Please use this identifier to cite or link to this item: http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/795
Title: การพัฒนากิจกรรมเพื่อสร้างชีวสุขตามแนวทางการพัฒนาจิตและปัญญาแบบองค์รวม ระยะที่ 2
Other Titles: The Development of Activity for Enhancing Bio Well Being based on Holistic Development of Mind and Wisdom Phase 2
Authors: อินฺทปญฺโญ, พระมหาบุญเลิศ
ภูวชนาธิพงศ์, กมลาศ
แผนสมบุญ, พุทธชาติ
Keywords: คลื่นสมอง
วิปัสสนากรรมฐาน
ความสุขเชิงพุทธ
Issue Date: 2561
Publisher: สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
Abstract: การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดกระบวนการพัฒนาจิต และปัญญาตามหลักพระพุทธศาสนา 2) เพื่อพัฒนากิจกรรมสร้างชีวสุขตามแนวทางการพัฒนาจิตใจ และปัญญาแบบองค์รวม 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการเข้าร่วมกิจกรรมชีวสุขตามแนวทางพัฒนาจิตใจ และปัญญาแบบองค์รวมด้วยกระบวนการไบโอฟีดแบค กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ พระนิสิตปริญญาตรีชั้นปีที่ 3 และปีที่ 4 ที่เข้าร่วมโครงการเข้าร่วม “โครงการสุขชีวีวิถีพุทธ” จานวน 17 รูป โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่ม (Inclusion Criteria) ตามคุณสมบัติที่กาหนดไว้ และคัดกรองแบบประเมินสุขภาพ วิธีการออกแบบการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียว เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) สัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) 2) แบบวัดความสุขเชิงพุทธ 3) แบบบันทึกเหตุการณ์ประจาวัน 4) แบบรายงานการสอบอารมณ์ 5) การสัมภาษณ์ไม่มีโครงสร้าง วิเคราะห์สัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) 3 ครั้ง ได้แก่ ก่อนการทดลอง ระหว่างการทดลอง และหลังการทดลอง ควบคู่กับการสอบอารมณ์ และทาแบบทดสอบความสุขเชิงพุทธก่อน และหลังการทดลอง สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้สถิติ Paired-Samples t-test และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ -Pearson correlation. ผลการวิจัยพบว่า 1) กระบวนการพัฒนาจิต และปัญญาในทางพระพุทธศาสนามีเครื่องมือที่เรียกว่าไตรสิกขา หลักการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาเป็นการฝึกปฏิบัติอบรมกาย ฝึกอบรมจิต ฝึกอบรมศีล และฝึกอบรมปัญญา วิธีการทางสายเอก ได้แก่ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามหลักสติปัฏฐาน 4 แปลว่า ที่ตั้งของสติ ซึ่งได้แก่ กาย เวทนา จิต และธรรม ในอีกความหมายหนึ่งที่เกี่ยวกับการปฏิบัติ แปลว่า สติกาหนด คือ การกาหนดสักแต่ว่ารู้ ที่กาย เวทนา จิต และธรรม สติปัฏฐาน 4 การฝึกวิปัสสนาจะเกิดความเห็นแจ้ง คือ เห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม ปัญญามีการพัฒนาคุณภาพของจิต ข ด้วยการฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง มั่นคง แน่วแน่ ควบคุมตนได้ดี มีสมาธิ มีกาลังใจสูง ให้เป็นจิตที่สงบ ผ่องใส ผู้ที่ได้รับการพัฒนาจิต และปัญญาแบบองค์รวม คือ การพัฒนามนุษย์ให้มีความสุขให้มีพัฒนาการ 4 ด้าน ได้แก่ การพัฒนากาย พัฒนาจิตใจ พัฒนาศีล และพัฒนาปัญญา โดยเครื่องมือชี้วัดการฝึกปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา เรียกว่า หลักภาวนา 4 2) การพัฒนากิจกรรมชีวสุขมีองค์ประกอบ (1) การออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสม มีกิจกรรมปฏิบัติประจาวันระยะเวลา 9 วัน มีกิจกรรม ได้แก่ สวดมนต์ ทาวัตรเช้า ทาวัตรเย็น เดินจงกรม และการนั่งสมาธิ โดยใช้หลักการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 ด้วยการตั้งสติไว้ที่หน้าท้องพร้อมกับคาภาวนาว่า “พองหนอ” และ “ยุบหนอ” ตามการเคลื่อนไหวของท้อง โดยลมหายใจเข้า-ออก เป็นอารมณ์ของกรรมฐานที่กาหนด มีการเดินจงกรม 6 ระยะ (2) จัดสภาพแวดล้อมเหมาะสมที่เอื้อต่อการปฏิบัติโดยใช้หลักสถานที่สงบสงัดไม่ให้มีเสียง และอารมณ์อื่นรบกวน เพื่อช่วยสนับสนุนและเกื้อกูลในการปฏิบัติวิปัสสนาฐานให้ได้ผลดี (3) กัลยาณมิตร ได้แก่ พระวิปัสสนาจารย์ที่มีประสบการณ์การสอนปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และสอบอารมณ์กรรมฐานต่อเนื่อง (4) การตรวจวัดสัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมอง EEG ควบคู่กับเทคนิคการบันทึกแบบสะท้อนความคิด และความรู้สึกในขณะวัดคลื่นสมอง และการสอบอารมณ์กรรมฐาน 3) เมื่อเปรียบเทียบคะแนนความสุขเชิงพุทธก่อนและหลังฝึกปฏิบัติ เพื่อการพัฒนากิจกรรมเพื่อสร้างชีวสุขตามแนวทางการพัฒนาจิต และปัญญาแบบองค์รวมของพระนิสิตเกี่ยวกับความสุขพบว่า คะแนนความสุขเชิงพุทธหลังการทดลองจะสูงกว่าก่อนทดลอง แต่ก็ไม่พบความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ และมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างค่าสัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมองกับจานวนครั้งในการวัด และความสุขโดยภาพรวมพบว่า กลุ่มทดลองมีแนวโน้มมีความสุขเพิ่มขึ้นหลังจากการเข้าร่วมโครงการพบว่า เมื่อพิจารณาต่อเนื่องถึงความสัมพันธ์อัตราเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงสัญญาณคลื่นสมอง Alpha/Beta ของกลุ่มตัวอย่างก่อนปฏิบัติธรรม ระหว่างปฏิบัติธรรม และหลังปฏิบัติธรรมจานวน 17 รูป เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างอัตราเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงสัญญาณคลื่นสมอง Alpha/Beta ของกลุ่มตัวอย่างก่อนปฏิบัติธรรม และหลังปฏิบัติธรรม พบว่ามีจานวนพระภิกษุที่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความสงบ ความผ่อนคลายทางด้านจิตใจ จานวน 12 รูป คิดเป็น 70.59% จานวนพระภิกษุที่มีพัฒนาการลดลงมีจานวน 4 รูป คิดเป็น 23.53% และไม่มีการเปลี่ยนแปลงจานวน 1 รูปคิดเป็น 5.88%
URI: http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/795
Appears in Collections:รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์



Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.