Please use this identifier to cite or link to this item:
http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/787
Title: | การเสริมสร้างเครือข่ายการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของวัดและชุมชนในล้านนา |
Other Titles: | Strengthening the Network of Measurement and Management of Cultural Tourism Community in Lanna |
Authors: | พระครู, สิริสุตานุยุต พระใบฎีกา, ธวัชชัย ตาปูลิง, จันทรัสม์ เพ็ญเวียง, จักรพงค์ |
Keywords: | การเสริมสร้าง เครือข่าย การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วัด ชุมชน ล้านนา |
Issue Date: | 2560 |
Publisher: | สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย |
Abstract: | การศึกษาวิจัยเรื่อง “การเสริมสร้างเครือข่ายการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของวัด และชุมชนในล้านนา” มีวัตถุประสงค์ คือ ๑) ศึกษาแนวคิดเครือข่ายการจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิง วัฒนธรรมของวัด และชุมชนในล้านนา ๒) ศึกษารูปแบบเครือข่ายการจัดการแหล่งท่องเที่ยวของวัด และชุมชนในล้านนา ๓) ศึกษาวิเคราะห์แนวการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของวัดและชุมชนใน ล้านนา เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้การสนทนากลุ่ม (Focus group qualitative study) เก็บ ข้อมูลจากตัวแทนของวัด ผู้นาชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ใน ๓ จังหวัด คือ จังหวัดน่าน จังหวัด เชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย ๖ พื้นที่ คือ ๑) วัดพระธาตุแช่แห้ง อาเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ๒) วัดมิ่งเมือง อาเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ๓) วัดพระแก้ว อาเภอเมือง จังหวัด เชียงราย ๔) วัดพระสิงห์ อาเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ๕) วัดสวนดอก อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ๖) วัดพระสิงห์วรวิหาร อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ผลการวิจัยพบว่า ๑. แนวคิดเครือข่ายการจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของวัดและชุมชนในล้านนา พบว่า วัดต่าง ๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะทางประวัติศาสตร์ มีศาสนวัตถุที่โดดเด่น มีสถาปัตยกรรมที่แตกต่าง จากวัดโดยทั่วไป และมียุทธศาสตร์ที่ดี วัดมีเครือข่ายภายใน คือ ประชาชนในชุมชน หน่วยงานราชการที่ อยู่ใกล้วัด มีเครือข่ายภายนอก คือ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย องค์การปกครองส่วน ท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด สานักงานพระพุทธศาสนา สานักงานการท่องเที่ยวประจาจังหวัด สานักงานวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏ สถาบันสอนภาษา องค์กรอิสระ และ ประชาชนทั่วไป ๒. รูปแบบเครือข่ายการจัดการแหล่งท่องเที่ยวของวัดและชุมชนในล้านนา พบว่า วัดใช้ รูปแบบเครือข่ายแบบมีส่วนร่วม เป็นเครือข่ายที่มีกิจกรรมต่างประเภทกัน เป็นเครือข่ายที่สมาชิกต่าง สาขา ต่างกิจกรรมกัน เข้ามาร่วมมือกันดาเนินกิจกรรม ร่วมมือประสานช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตาม อุปสรรคและปัญหาการทางานของเครือข่ายที่พบ คือ การสนับสนุนกิจกรรมที่ไม่ ต่อเนื่อง เช่น การส่งมัคคุเทศก์มาช่วยวัด แต่เมื่อโครงการสิ้นสุดลง บุคลากรที่มาช่วย จะกลับไปยัง หน่วยงาน จึงทาให้วัดขาดบุคลากรด้านนี้ ๓. วิเคราะห์แนวการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของวัดและชุมชนในล้านนา พบว่า ควร เสริมสร้างด้านความรู้แก่บุคลากรภายในชุมชนเพื่อรองรับกิจกรรมการจัดการท่องเที่ยว การจัดสรรพื้นที่ ของวัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และพัฒนาเครือข่ายให้เกิดความเข้มแข็งด้วยกิจกรรมทางศาสนาที่ หลากหลาย วัดต้องนาเอกลักษณ์อันเป็นจุดเด่นเฉพาะตน เผยแพร่สู่สาธารณชน ให้เกิดการรับรู้และ อยากมาท่องเที่ยว หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างต้องช่วยเหลือผลักดันให้กิจกรรมสาเร็จ และควร ใช้มาตรการ ๓ ข้อ คือ ๑) มาตรการทางกฎหมาย ต้องมีพระราชบัญญัติที่ยึดถือเป็นหลัก ๒) มาตรการ ชุมชน จะเป็นพลังที่เกิดจากมันสมองความคิดของชุมชนทาให้เกิดความรักความหวงแหนวัดและชุมชน ๓) มาตรการวิชาการ คือ เครือข่ายต่าง ๆ ต้องมีส่วนร่วมในการช่วยพัฒนา ทั้งด้านการให้ความรู้แก่ ประชาชน การสนับสนุนด้านการออกแบบเพื่อช่วยปรับภูมิทัศน์วัด ให้เครือข่ายเกิดการมีส่วนร่วม คือ ร่วมคิด ร่วมทา ร่วมวางแผน ร่วมรับผลประโยชน์ และร่วมรับผิดชอบ |
URI: | http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/787 |
Appears in Collections: | รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
2560-042 พระครูสิริสุตานุยุต.pdf | 4.37 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.