Please use this identifier to cite or link to this item:
http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/679
Title: | การศึกษาโครงสร้างคัมภีร์ทีฆนิกายสีลขันธวรรคในแง่ของศีลและพรต |
Other Titles: | A Structural Study of Dighanikaya Silakhandhavagga in the Light of Rule and Ritual |
Authors: | กนฺตวณฺโณ (กันจู), พระมหาจีรวัฒน์ ดร. |
Issue Date: | 2561 |
Publisher: | สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการคือ (๑) เพื่อศึกษาโครงสร้างของคัมภีร์ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค (๒) เพื่อวิเคราะห์ศีลและพรตที่ปรากฏในคัมภีร์ทีฆนิกาย สีลขันธวรรคตามหลักพระพุทธศาสนาและ (๓) เพื่อวิเคราะห์รูปแบบ ศีลและพรตในคัมภีร์ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลในสังคมให้ดีงามและสงบสุขยิ่งขึ้น การวิจัยเรื่องนี้เป็นการวิจัยเอกสาร (Documentary Research) ผลการศึกษาวิจัยมีดังนี้: ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค มีพระสูตร ๑๓ สูตร เกี่ยวด้วยศีลและพรต ที่กล่าวถึงโดยตรงได้แก่พรหมชาลสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรแรกว่าด้วยศีล ๓ ขั้น จูฬศีล มัชฌิมศีล และมหาศีล ต่อจากนั้นกล่าวถึงลัทธิทรรศนะหรือทิฏฐิ ๖๒ ซึ่งอาจสรุปลงเป็น ๒ คือสัสสตทิฏฐิ ทรรศนะว่าโลกเที่ยง และอุจเฉททิฏฐิ ทรรศนะว่าโลกขาดสูญ คือมีแค่โลกนี้ไม่มีโลกหน้า เมื่อทุกคนยึดถืออย่างนี้ย่อมนำไปสู่การบำเพ็ญศีลพรตตามความเชื่อของตน ไม่ว่าจะเป็นด้านอัตถกิลมถานุโยคหรือกามสุขัลลิกานุโยค ศีลเป็นเบื้องต้นแห่งการประพฤติพรหมจรรย์ เป็นอาภรณ์ของนักบวช และเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาปสาทะของมหาชน พระพุทธเจ้าจึงทรงเข้มงวดเรื่องศีลมาตั้งแต่แรกเริ่มก่อนที่จะได้ทรงบัญญัติสิกขาบท ตามทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ศีล ๓ ระดับ จะเกี่ยวด้วยศีล ๕ และศีล ๘ ในเบื้องต้น และต่อมาครอบคลุมเรื่องอเนสนา คือ งดเว้นจากการแสวงหา หรือการประกอบอาชีพที่ไม่สมควรแก่สมณวิสัย เช่นการเป็นโหรทำนายทายทัก การประกอบพิธีกรรมนอกพระพุทธศาสนา การทรงเจ้าเข้าผี การประทุษร้ายผู้อื่นและหลอกลวงเขาหากิน เป็นต้น ก็เป็นไปเพื่อหลอกลวงชาวโลกทั้งสิ้น ในสังคมไทยปัจจุบัน เป็นที่ปรากฏอยู่เสมอว่ามีภิกษุสงฆ์ส่วนน้อยไม่เอื้อเฟื้อในพระธรรมวินัย ละเมิดศีลเป็นประจำ เที่ยวไปในสถานที่อโคจร ประกอบในอเนสนากรรม และมีส่วนเกี่ยวพันกับคดีอาญาเช่นการประทุษร้ายผู้อื่นและคดียาเสพติดอยู่เนือง ๆ เป็นที่ตำหนิติเตียนของชาวบ้านและสื่อมวลชน จากการสัมภาษณ์ท่านผู้ทรงคุณวุฒิทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ ๑๕ ท่านทำให้ได้ข้อสรุปว่า เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับต้องเข้มงวดกวดขันพระภิกษุสามเณรในสังกัดของตนให้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีสมณสัญญา มีหิริโอตัปปะ ไม่ประพฤติอนาจารหรือการประกอบอเนสนากรรม ไม่ละเลยกิจวัตรของสงฆ์ เอื้อเฟื้อการศึกษาพระธรรมวินัย บำเพ็ญพรตกรรมฐานและธุดงควัตรตามกำลังความสามารถ ยึดหลักมัชฌิมาปฏิปทาในการครองชีวิต ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า |
URI: | http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/679 |
Appears in Collections: | รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
2561-254 พระมหาจีรวัฒน์ กนฺตวณฺโณ (กันจู), ดร.pdf | 6 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.