Please use this identifier to cite or link to this item:
http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/462
Title: | พระพุทธศาสนาในเส้นทางสายไหม, ประวัติศาสตร์, หลักฐานทางโบราณคดี และพัฒนาการการสร้างอารยธรรมของมนุษยชาติ |
Other Titles: | Buddhism in the Silk Road, History, Archaeological evidences and Development of Human Civilization |
Authors: | วชิรปัญโญ, ดาวสยาม แก้ว, รัตนะ |
Keywords: | พระพุทธศาสนาในเส้นทางสายไหม ประวัติศาสตร์ หลักฐานทางโบราณคดี อารยธรรม มนุษยชาติ |
Issue Date: | 2560 |
Publisher: | สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย |
Abstract: | การวิจัยเรื่อง พระพุทธศาสนาในเส้นทางสายไหม, ประวัติศาสตร์, หลักฐานทางโบราณคดี และพัฒนาการการสร้างอารยธรรมของมนุษยชาตินั้นมีวัตถุประสงค์อยู่ ๓ ประการคือ ๑. เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาในเส้นทางสายไหม ๒. เพื่อศึกษาหลักฐานหลักฐานทางโบราณคดีของพระพุทธศาสนาที่เผยแผ่ไปตามเส้นทางสายไหมในอินเดียและจีน ๓. เพื่อศึกษาพัฒนาการของอารยธรรมของมนุษยชาติตามเส้นทางสายไหม การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เน้นการศึกษาค้นคว้าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และอารยธรรมของมวลมนุษยชาติที่ทิ้งร่องรอยไว้ตามเส้นทางสายไหมที่เรียงรายตั้งแต่จีนผ่านเอเชียใต้ เอเชียกลางไปถึงยุโรป เนื่องจากเส้นทางสายไหมมีขอบเขตที่กว้างไกลมากครอบคลุมทั้งทวีปเอเชียและยุโรปและอาฟริกาบางส่วน ผู้วิจัยจึงระบุขอบเขตวิจัยที่มณฑลซินเจียงของจีนและรัฐพิหาร ประเทศอินเดียเป็นหลัก จากการศึกษาการวิจัยเรื่องนี้ทำให้พบว่า เส้นทางสายไหมเป็นเส้นทางที่สำคัญยิ่งที่ทำให้มนุษยชาติได้เชื่อมติดต่อกันตั้งแต่ยุคก่อนพุทธกาล เป็นเส้นทางที่นำความเจริญมาให้กับมนุษยชาติในด้านต่างๆ คือ ด้านการค้าขาย ด้านศาสนา ด้านการเมือง ด้านอารยธรรม ด้านวัฒนธรรม และการพัฒนานวัตกรรมใหม่เกิดขึ้น โดยแยกเป็นประเด็นดังนี้ ด้านการค้าขาย การค้าขายนั้นเกิดขึ้นมาพร้อมกับมนุษย์ เพราะแต่ละชุมชนจะต้องมีการแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภคบริโภค ในเบื้องต้นอาจจะเปลี่ยนสินค้ากันฟรีในหมู่เครือญาติ ต่อมาจึงเริ่มออกไปค้าขายในชุมชนที่ห่างไกล และไกลออกไปยังประเทศต่างๆ เมื่อมีการค้าขายแล้วจะต้องมีสิ่งตอบแทนนั้นคือเงิน ทอง หรือของมีค่าอื่นๆ เมื่อเป็นค่าตอบแทน จากการค้าขายนี้เองทำให้เกิดพัฒนาเงินตราแลกเปลี่ยน จากให้เปล่าหรือสินค้าแลกสินค้ามาเป็นทองคำ ดีบุก ทองแดง เงินเหรียญที่ทำจากดีบุก ทองแดง แล้วมาเป็นเงินกระดาษ จนเป็นเงินแบบทันสมัยในปัจจุบัน ส่วนสินค้านั้นมี มากมายทั้งสิ้นค้าอุปโภคบริโภคแต่ที่นิยมกันมากและมีคุณภาพดีคุณผ้าไหม เพราะเป็นของหายาก มีเฉพาะในแผ่นดินจีนเท่านั้น จนเมื่อมีการลักลอบนำเอาตัวไหมและกรรมวิธีการเลี้ยงออกจากเมืองจีนแล้วจึงเริ่มขยายตัวมากขึ้น ด้านศาสนา เมื่อเส้นทางการค้าขายเจริญก้าวหน้าแล้ว นักบวช หรือพระสงฆ์จึงได้อาศัยเส้นทางการค้าออกไปเผยแผ่ศาสนาที่ตนเองนับถือ ศาสนาที่อาศัยตามเส้นทางสายไหมมีมากคือพุทธศาสนา ฮินดู คริสต์ อิสลาม ยูกาย โซโรอัสเตอร์ เต๋า ขงจื้อ มณีกิ ในบรรดาศาสนามากมายเหล่านั้น พุทธศาสนานับว่ามีบทบาทมากที่สุดในเส้นทางสายไหม ได้ทิ้งร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีไว้มากที่สุด มีการขุดเจาะถ้ำเพื่อเป็นที่บูชาและที่พักอาศัย ที่ภาวนา สวดมนต์ ที่บรรยายธรรม ที่เก็บของมีค่า ที่เก็บคัมภีร์มากมายในอินเดียมีมากกว่า ๕๐๐๐ ถ้ำ ในจีนมีมากกว่า ๒๕,๐๐๐ ถ้ำ กระจายกันในที่ต่างๆ พบซากวิหาร พระพุทธรูป เจดีย์ คัมภีร์ทำจากเปลือกไม้ ใบลาน ทองสำริด ทำจากแผ่นหิน จนพุทธศาสนาขยายตัวทั่วเอเชียก่อนที่พุทธศาสนาจะถูกแทนที่ด้วยศาสนาอิสลามในเวลาต่อมา ในเส้นทางสายไหม เราจึงจะพบโบราณสถานที่สำคัญทั้งพุทธศาสนาและศาสนาอิสลามกระจายอยู่ทั่วไป ด้านการเมือง เมื่อการค้า การศาสนาขยายตัวมากขึ้น ผู้ปกครองในแต่ละเมืองจะต้องส่งกำลังทหารเข้าควบคุมเส้นทางค้าขายเพื่อเก็บภาษี หรือเพื่อการคุ้มครองกองคาราวานทางการค้าของตน ต่อมาจึงเริ่มขยายอาณาเขตเพื่อควบคุมเส้นทางการค้าถาวร ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมจะต้องมีการต่อสู้ รบพุ่งกันมายาวนานหรือช่วงอายุคน ในยุคที่คำว่าประเทศยังไม่เกิดขึ้น อาณาจักรทางการเมืองจึงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีเจริญมีความเสื่อม จนคำว่าประเทศเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ละประเทศจึงพยายามที่เข้าควบคุมอาณาเขตให้ได้มากที่สุด ผู้เข้มแข็งเท่านั้นจะทำสำเร็จ เราจึงเห็นประเทศจีนและอินเดียได้บทบาทนี้ ด้านอารยธรรม อารยธรรมที่เกิดจากเส้นทางสายไหมมีมากหมาย เช่น อารยธรรมในดินแดนจีนที่ครอบคลุมมนุษย์ตั้งแต่การเกิด การแต่งงาน การมีบุตร การทำบุญ การกิน การนอน การตาย ซึ่งแต่ละท้องที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ท้องที่ เช่น การตายนั้นมีการฝังแบบชาวจีน และชาวคริสต์และอิสลาม การเผาแบบชาวพุทธ ฮินดู เชน เมื่อมีการตายแล้วมีความเชื่อว่าตายแล้วจะได้เกิดใหม่จึงมีการหากรรมวิธีที่จะรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อยด้วยนวัตกรรมที่หามาได้ จนมีการค้นพบศพที่มีลักษณะแบบมัมมี่แบบอียิปต์มากมาตามเส้นทางสายไหม ด้านนวัตกรรม ในเส้นทางสายไหมได้เกิดนวัตกรรมต่างๆเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เช่น ๑.นวัตกรรมการบันทึก จากยุคเริ่มแรกที่มักจากจารึกใสเปลือกไม้ แผ่นหิน แผ่นไม้ แผ่นดินเหนียวแผ่นทองแดง จึงเริ่มมาทำกระดาษเพื่อเป็นที่บันทึกเรื่องราวในศาสนาและการเมือง ๒.นวัตกรรมการขุดเจาะถ้ำ การชุดเจาะถ้ำนั้นเริ่มสมัยพระเจ้าอโศกหมาราชปกครองอินเดีย แต่เป็นการขุดเจาะแบบง่ายๆ ไม่ซับซ่อน เมื่อเข้าสู่เอเชียกลางนวัตกรรมการขุดเจาะจึงเริ่มละเอียดมากขึ้น มีลวดลายตามเสา วาดภาพที่ผนัง มีการแกละสลักพระพุทธรูป มีการใส่ลวดลายที่งดงามประดับสถานที่ มีนวัตกรรมที่ ซับซ้อนมากขึ้น ๓.นวัตกรรมการทำศพ เพื่อรักษาสภาพศพไม่ให้เน่าเปื่อยย่อยสลายไปตามการเวลา เพื่อวิญญาณนั้นจะได้กลับมาเกิดอีกโดยอาศัยร่างเดิม ในเบื้องแรกอาจจะทำแบบง่ายแต่ต่อมาเริ่มมีนวัตกรรมที่ทันสมัยไหม มีการค้นพบสมุนไพร และยาที่จะมารักษาศพให้นานและแห้ง สะอาดไม่มีกลิ่นเน่าเหม็น จนกลายเป็นนวัตกรรมที่น่าทึ่งจนบางเรื่องยังเป็นความลับที่คนยุคปัจจุบันไม่อาจจะทราบได้ |
URI: | http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/462 |
Appears in Collections: | รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
2560-143 พระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ.pdf | 8.39 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.