การประยุกต์ใช้สัมมาอาชีวะเพื่อลดปัญหาการฉ้อโกงทางการค้า

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑. ศึกษาปัญหาฉ้อโกงทางการค้าในสังคมไทยปัจจุบัน ๒. ศึกษาหลักสัมมาอาชีวะในพระพุทธศาสน ๓. ศึกษาการประยุกต์ใช้สัมมาอาชีวะเพื่อลดปัญหาการฉ้อโกงทางการค้า เป็นการศึกษาวิจัยแบบประยุกต์ (Applied Research) โดยศึกษาจากเอกสาร, สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านกฎหมายและพระพุทธศาสนา อภิปรายกลุ่มร่วมกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและพระพุทธศาสนา เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ ความคิดเห็นและประสบการณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญมาประมวลวิเคราะห์เพื่อตอบโจทย์หัวข้อวิจัย ด้วยวิธีเชิงพรรณนา ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ปัญหาการฉ้อโกงทางการค้า เป็นปัญหาสาคัญในสังคมและส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยถือว่า การหลอกลวงฉ้อโกงเป็นอาชญากรรมสาคัญอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบทั้งระดับจุลภาคและระดับมหภาค แต่ปัญหาดังกล่าว สามารถบริหารจัดการได้ด้วยการนาหลักสัมมาอาชีวะมาประยุกต์ใช้โดยรูปแบบการสร้างจิตสานึกและควบคุมจิตสานึกด้วยมาตรการทางสังคมและกฎหมาย การสร้างจิตสานึกอย่างเป็นรูปธรรมต้องเริ่มจากภายในครอบครัวโดยการที่ผู้นาครอบครัวประพฤติปฏิบัติสัมมาอาชีวะให้เป็นตัวอย่าง และบ่มเพาะจิตสานึกด้านความซื่อสัตย์สุจริตและความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นให้เกิดแก่เด็กและเยาวชนในครอบครัว ประกอบรวมกับมาตรการทางสังคมและมาตรการทางกฎหมาย ได้แก่ การที่สังคมไม่นิ่งดูดายต่อการอุปโภคบริโภค ช่วยกันวิจารณ์สินค้าและบริการของผู้ประกอบการไว้ในระบบสื่อสารที่สืบค้นได้ง่าย เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกบริโภคสินค้าและบริการ ควบคุมผู้ประกอบธุรกิจการค้าไม่ให้เกิดช่องว่างในการแสวงหาผลกาไรด้วยการทุจริตฉ้อโกง และหากพบว่า ผู้ประกอบการรายใดมีความทุจริตฉ้อโกง ก็ควรดาเนินการทางกฎหมายให้เป็นตัวอย่าง โดยหน่วยงานภาครัฐที่กากับดูแลให้เกิดความเป็นธรรมทางธุรกิจการค้าดาเนินการประชาสัมพันธ์ทางสื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงสิทธิของผู้บริโภค ช่องทางการร้องเรียนและดาเนินคดีต่อผู้ประกอบการที่มีลักษณะฉ้อโกงทางการค้า และจะต้องบังคับใช้ตัวบทกฎหมายอย่างจริงจัง รวดเร็วโดยไม่เลือกปฏิบัติ