การจัดสมดุลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนฐานระเบียงเศรษฐกิจ ภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ การจัดสมดุลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ใช้การวิจัยแบบผสานวิธี ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ประชากรกลุ่มตัวอย่างได้แก่ ประชาชนในจังหวัดชลบุรี จำนวน ๔๐๐ คน และผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน ๓๑ คน ใช้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการวิจัย และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัย ๑. เรื่องรายละเอียดของกฎหมายต่าง ๆ และสิทธิประโยชน์ ประกอบด้วย ๑) กฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน ๒) กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ๓) กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องจักร ๔) กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข และ ๕) กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ๖) กฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์ ๗) กฎหมายว่าด้วยโรงงาน และ ๘) กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หากกฎหมายกำหนดให้ผู้ดำเนินการหรือผู้กระทำต้องได้รับอนุมัติใบอนุญาต ๒. การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี ให้ความสำคัญกับการลดมลพิษ เน้นบำบัด กำจัดของเสีย โดยเร่งกำจัดขยะมูลฝอยตกค้างสะสม การป้องกันและลดความเสี่ยงจากอุบัติภัยสารเคมี พัฒนาระบบประกันความเสี่ยงของโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อีอีซี ส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง สนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart city) ในรูปแบบที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ๓. จำเป็นต้องมีกฎหมายเฉพาะที่ออกมากำหนดรายละเอียดและหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกำหนดหลักเกณฑ์ในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความชัดเจน ๔. หน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนได้เข้าใจ พร้อมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนรู้จักรักหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน จะต้องมีการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำรงคงอยู่คู่ชุมชนและพัฒนาอย่างยั่งยืนตลอดไป