การเสริมสร้างเครือข่ายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในภาคตะวันออก

Abstract

การวิจัยครั้งนี้ ศึกษาการเสริมสร้างเครือข่ายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในภาคตะวันออก ผู้วิจัยได้กำหนดวิธีการศึกษาโดยใช้การวิจัยเชิงผสม โดยนำวิธีการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เข้ามาใช้ในการวิจัยด้วยหลักผสมผสานอย่างเท่าเทียมกัน เป็นการศึกษา ของภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงประชาชน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนทั่วไปในจังหวัดชลบุรี จำนวน 400 คน ซึ่งในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษายุทธศาสตร์ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ผู้วิจัยได้ใช้กระบวนการมีส่วนร่วม การสอบถาม การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม และแบบสำรวจความคิดเห็น เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสถานการณ์และสภาพปัญหาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC เพื่อสรุปเป็นยุทธศาสตร์ในการวางแผนงานต่อไป ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน ๒๒๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๖.๐ และ เพศหญิง จำนวน ๑๗๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๔.๐ ตามลำดับ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง ๔๑-๕๐ ปี จำนวน ๑๖๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๐ มีอายุ ๕๑ ปีขึ้นไป จำนวน ๑๑๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๘.๕ มีอายุ ๓๑-๔๐ ปี จำนวน ๙๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๕ และ มีอายุต่ำกว่า ๓๐ ปี จำนวน ๒๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๗.๐ ตามลำดับกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาระดับ มัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า จำนวน ๓๒๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๕.๒ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน ๕๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๔.๐ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน ๑๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๒.๘ และ สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี จำนวน ๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๒.๘ ตามลำดับกลุ่มตัวอย่างด้านอาชีพ อาชีพที่ตอบคำถามสูงสุดคือประมง/รับจ้างมีจำนวนมากสุดจำนวน ๑๔๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๕.๘ รองลงมา เกษตรกร จำนวน ๙๐ คน ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว จำนวน ๘๕ คน คิดเป็น ๒๒.๔ พนักงานเอกชน จำนวน ๗๓ คน คิดเป็น ๑๗.๘ รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๒๓ คน คิดเป็น ๕.๖การรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันการสื่อสารทันสมัยแต่ประชาชนยังสนใจโทรทัศน์สูงสุดคือ จำนวน ๑๔๑ คิดเป็น ๓๕.๓ รองลงมาคือเฟสบุค/ไลน์ที่ประชากรติดตามคือ จำนวน ๑๐๔ คน คิดเป็น ๒๖ หนังสือพิมพ์ จำนวน ๙๖ คน คิดเป็น ๒๔ ข่าวสารที่ประชากรติดตามน้อยที่สุดคือวิทยุ จำนวน ๕๙ คน คิดเป็น ๑๔.๘ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีเครือข่ายการบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี โดยภาพรวม มีระดับความคิดเห็น ต่อเครือข่ายการบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๕๑ เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้านสรุปดังนี้ การบริหารจัดการเครือข่ายในประเด็นของการร่วมมือก่อนเป็นเครือข่ายจากการสอบถามพบว่า ค่าเฉลี่ยก่อนร่วมมือเครือข่ายอยู่ที่ ๓.๔๘ มีการคำนึงถึงผลประโยชน์ของเครือข่าย ได้คะแนนสูงสุดที่ ๓.๖๘ คะแนน รองลงมาได้แก่การมีการกำหนดเป้าหมายของเครือข่าย ที่ได้คะแนนน้อยสุดคือการมีส่วนร่วมในการก่อตัวการสร้างเครือข่าย โดยได้คะแนน ๓.๒๘การจัดการระบบของเครือข่ายจากการสอบถามพบว่า การจัดการระบบของเครือข่ายมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ ๓.๔๖ ส่วนมีการกำหนดบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในเครือข่าย ได้คะแนนสูงสุดที่ ๓.๕๑ รองลงมาได้แก่ การติดต่อสื่อสารของเครือข่าย มีคะแนน ๓.๔๗ ส่วนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดคือ มีการจัดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของเครือข่าย ได้คะแนน ๓.๔๔ ประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นสมาชิกเครือข่ายจากการสอบถามพบว่า ประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นสมาชิกเครือข่ายมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ ๓.๔๕ การแลกเปลี่ยนและพัฒนาความรู้ได้คะแนนสูงสุดที่ ๓.๙๒ รองลงมาคือการพัฒนาผู้นำ ได้คะแนน ๓.๕๒ ส่วนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดคือการประสานความร่วมมือระหว่างเครือข่าย ได้คะแนน ๓.๒๒ การส่งเสริมความต่อเนื่องของเครือข่ายจากการสอบถามพบว่า การส่งเสริมความต่อเนื่องของเครือข่าย มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ ๓.๖๗ การสร้างและพัฒนาผู้นำเครือข่ายรุ่นใหม่ และการให้การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาในเครือข่ายมีคะแนนเท่ากัน ได้คะแนนสูงสุดที่ ๓.๘๒ รองลงมาคือการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเครือข่าย ได้คะแนน ๓.๓๓ ส่วนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดคือ การส่งเสริมเครือกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง