Please use this identifier to cite or link to this item: http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1356
Title: การพัฒนาโมเดลต้นแบบกระบวนการเรียนรู้ชุมชนวิถีเกษตรพอเพียง: กรณีศึกษา การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรเขตเทศบาลตำบลพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์
Other Titles: A Prototype Model Development of Learning Process on Sufficiency Agricultural Community: A Case Study of Agricultural Area Management in Phanom Rung Subdistrict Municipality Buriram Province
Authors: กลมกูล, ลำพอง
Keywords: กระบวนการเรียนรู้
ชุมชนวิถีเกษตรพอเพียง
การบริหารจัดการพื้นที่เกษตร
โมเดลต้นแบบกระบวนการเรียนรู้
Issue Date: 2566
Publisher: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อศึกษาต้นแบบกระบวนการเรียนรู้ชุมชนวิถีเกษตรพอเพียงจากการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรที่มีแนวปฏิบัติที่ดี เพื่อพัฒนาโมเดลต้นแบบกระบวนการเรียนรู้ชุมชนวิถีเกษตรพอเพียงด้วยการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรเขตเทศบาลตำบลพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ และเพื่อพัฒนาเครือข่ายการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรด้วยโมเดลต้นแบบกระบวนการเรียนรู้ชุมชนวิถีเกษตรพอเพียง ออกแบบโดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ ตามกระบวนการ PAOR โดยแบ่งขั้นตอนการวิจัยเป็น 4 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นวางแผน (Plan: P) พัฒนาพื้นที่ทดลองการบริหารจัดการที่ดินด้วยศาสตร์พระราชาบูรณาการสู่ โคก หนอง นา R-Model ในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ขั้นปฏิบัติ (Act: A) ในการพัฒนาพื้นที่ทดลองตามแผนและถอดบทเรียนการบริหารจัดการที่ดินด้วยศาสตร์พระราชาบูรณาการสู่ โคก หนอง นา R-Model ในการพึ่งตนเองของชุมชนตามวิถีเกษตรพอเพียง ขั้นสังเกต (Observe: O) ด้วยการสังเกตผลที่เกิดขึ้นจากการติดตามผลงานขั้นปฏิบัติ และขั้นสะท้อนผล (Reflect: R) จากสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการสร้างเครือข่ายชุมชนกรณีศึกษาการบริหารจัดการที่ดินตามแนวทางพระราชดำริศาสตร์พระราชาบูรณาการสู่ โคก หนอง นา R-Model ในการพึ่งตนเองของชุมชนตามวิถีเกษตรพอเพียง ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ผลการศึกษาต้นแบบกระบวนการเรียนรู้ชุมชนวิถีเกษตรพอเพียงจากการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรที่มีแนวปฏิบัติที่ดี กรณีศึกษาที่มีแนวปฏิบัติที่ดี ประกอบด้วย กรณีศึกษาที่มีแนวปฏิบัติที่ดีด้วยการทำแปลงเกษตรผสมผสาน กรณีศึกษาที่มีแนวปฏิบัติที่ดีในการพัฒนาพื้นที่สาธารณะของชุมชนสู่พื้นที่เพาะปลูก และกรณีศึกษาที่มีแนวปฏิบัติที่ดีในการออกแบบพื้นที่แบบโคกหนองนาโมเดล กรณีศึกษาแรกได้กล่าวถึง แรงบันดาลใจ เริ่มจากการศึกษาศาสตร์พระราชา ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านทรงทำให้ดูเป็นแบบอย่าง นำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต กรณีศึกษาต่อมาได้มีการดำเนินการศูนย์การเรียนรู้ชุมชน จากเป็นที่รกร้าง ที่ทิ้งขยะ แนวคิดที่จะพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน เรียนรู้ที่โรงเรียนแก้จน ไปเรียนรู้วิชาตามปราชญ์ ตามศูนย์การเรียนรู้ต่างๆ และนำมาพัฒนาพื้นที่ กรณีศึกษาที่สามได้มีการออกแบบการเกษตรโดยใช้วิจัยเป็นฐาน ด้วยการพัฒนาดิน พัฒนาแหล่งน้ำ ออกแบบพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งจัดสรรพื้นที่ให้เป็นรมณียสถานตามวิถีของชาวบ้าน เริ่มต้นจากการออกแบบพื้นที่ด้วยการขุดหนองเพื่อให้มีที่สำหรับเก็บแหล่งน้ำ จากนั้นจึงนำพันธุ์พืชหลายๆ ชนิดมาทดลองปลูก และก็พัฒนาดินไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ได้ผลผลิตสำหรับพอมี พอกิน พอใช้ในครัวเรือน จ 2. พัฒนาโมเดลต้นแบบกระบวนการเรียนรู้ชุมชนวิถีเกษตรพอเพียงด้วยการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรเขตเทศบาลตำบลพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า มีการบริหารจัดการพื้นที่ตามรูปแบบโคก หนอง นา ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการตามวงจรการวิจัย PAOR ที่มีการสร้างระบบการบริหารจัดการน้ำด้วยการขุดสระที่มีความลึกลดกลั่นลงไป มีการขุดบ่อน้ำใต้ดินและใช้การดึงน้ำจากใต้ดินมาใช้ด้วยระบบโซลาเซลล์ รวมทั้งการขุดให้เป็นคลองไส้ไก่ การบริหารจัดการพันธุ์พืชในพื้นที่ มีการปลูกพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่มีความหลากหลาย ได้แก่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชพี่เลี้ยง ข้าว และแหนแดงไมโครฟิลล่า การบริหารจัดการพื้นที่เชิงวัฒนธรรมและวิถีทางศาสนา เป็นการออกแบบพื้นที่ให้เป็นวิถีพุทธด้วยการหล่อองค์พระเจ้าทันใจให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชน รวมทั้งการเตรียมพื้นที่รองรับโครงการของเครือข่ายคือธนาคารวัวของ ดร.หลวงพ่อแดง ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งเสริมการพัฒนาดินในพื้นที่ โคก หนอง นา R-Model 3. พัฒนาเครือข่ายการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรด้วยโมเดลต้นแบบกระบวนการเรียนรู้ชุมชนวิถีเกษตรพอเพียง พบว่า การบริหารจัดการพื้นที่มีความเป็นไปได้และเหมาะสมกับพื้นที่ ส่วนการพัฒนาเครือข่ายเป็นการสร้างเครือข่ายใน 1) ชุมชนร่วมกันในการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างสมาชิกและผู้สนใจ 2) การพัฒนาเครือข่ายระหว่างสถาบันการศึกษาซึ่งในกระบวนการวิจัยมีสถาบันการศึกษาในพื้นที่อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ วิทยาลัยพยาบาลบุรีรัมย์ และสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ที่เข้ามาเป็นภาคีเครือข่ายและเป็นส่วนสำคัญต่อการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างภายใต้กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้เข้าร่วมกิจกรรม อาทิ เครือข่ายนิสิตคณาจารย์คณะครุศาสตร์ เป็นต้น
URI: http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1356
Appears in Collections:รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
ว.019.2566.pdf12.48 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.