Please use this identifier to cite or link to this item:
http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1347
Title: | โลกยุคใหม่หลังโคโรน่าโควิด ๑๙ : การพัฒนารูปแบบนวัตกรรมการเรียนรู้ เสริมทักษะวิถีใหม่บนฐานกระบวนการรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา |
Other Titles: | POST-MODERNIZATION AFTER CORONA COVID 19: THE DEVELOPMENT OF AN INNOVATIONAL MODEL FOR THE ENHANCEMENT OF NEW LEARNING SKILLS BASED ON COGNITIVE PROCESSES ACCORDING TO BUDDHIST PSYCHOLOGY |
Authors: | อภิฉนฺโท, พระครูสังฆรักษ์เอกภัทร แก้วศรี, ประสิทธิ์ ปริชาโน, พระวิเชียร สุทฺธิญาโณ, พระมหาสุเทพ รกฺขิโต, พระธัชฑล |
Keywords: | รูปแบบนวัตกรรมการเรียนรู้วิถีใหม่ การรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา ทักษะการรู้คิดทางปัญญาของนิสิตระดับอุดมศึกษา ทักษะวิถีใหม่ นิสิตระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย |
Issue Date: | 2566 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย |
Abstract: | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือ ๑) เพื่อศึกษาองค์ประกอบการพัฒนาการเรียนรู้บนฐานกระบวนการรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยาเพื่อเสริมทักษะวิถีใหม่ ๒) เพื่อพัฒนาและประเมินรูปแบบนวัตกรรมการเรียนรู้บนฐานกระบวนการรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยาเพื่อเสริมทักษะวิถีใหม่ ๓) เพื่อศึกษาประสิทธิผลและนำเสนอรูปแบบนวัตกรรมการเรียนรู้บนฐานกระบวนการรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยาเพื่อเสริมทักษะวิถีใหม่ การวิจัยครั้งนี้ ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods Research) โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเอกสาร (Documentary Research) วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) วิธีวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Research) กับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key informants) ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิให้การสัมภาษณ์เชิงลึก รวมทั้งสิ้น ๖ รูปหรือคน และผู้ทรงคุณวุฒิตรวจประเมินมาตรฐานนวัตกรรมการเรียนรู้บนฐานกระบวนการคิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา รวมทั้งสิ้น ๕ รูปหรือคน ซึ่งได้รับการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive sampling) นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการทดลองในการวิจัยครั้งนี้ คือ นิสิตระดับอุดมศึกษา กำลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรี ขั้นปีที่ ๑-๓ ณ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จังหวัดกรุงเทพมหานคร รวม ๑๗ คน โดยทำการคัดเลือกจากการทำแบบวัดการรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา ในระยะก่อนเข้าร่วมการทดลอง จากคะแนนที่ระดับกว่า ๕๐ เปอร์เซ็นไทล์ลงมา ได้จำนวนกลุ่มตัวอย่าง ทำการสัมภาษณ์ให้ความสมัครใจเข้าร่วมโครงการวิจัย ซึ่งการได้มาของกลุ่มตัวอย่าง ใช้การคำนวณด้วยโปรแกรม G* power ซึ่งกำหนด Test family คือ T-test ที่ระดับนัยสำคัญ (Significant Level) .๐๕ อำนาจการทดสอบ (Power) ที่ .๘๐ ผลการวิจัยพบว่า ๑. รูปแบบนวัตกรรมการเรียนรู้เสริมทักษะวิถีใหม่บนฐานกระบวนการรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา พบว่า เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการพัฒนาสติ สมาธิ และวิธีการคิดแบบโยนิโสมนสิการ เพื่อพัฒนาปัญญา โดยมีองค์ประกอบการพัฒนาการเรียนรู้บนฐานกระบวนการรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา เพื่อเสริมทักษะวิถีใหม่หลังยุคโรคระบาดโควิด ๑๙ ประกอบด้วย ๕ ข องค์ประกอบ คือ ๑) ความสนใจหรือความใส่ใจ ๒) การรับรู้ ๓) ความจำ ๔) วิธีการคิด (โยนิโส มนสิการ) ๕) การรู้จักหรือตระหนักรู้ในตนเอง ๒. การพัฒนาและประเมินรูปแบบนวัตกรรมการเรียนรู้บนฐานกระบวนการรู้คิดทาง ปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยาเพื่อเสริมทักษะวิถีใหม่ พบว่า เป็นการพัฒนาชุดกิจกรรมการฝึก นวัตกรรมการเรียนรู้เสริมทักษะวิถีใหม่บนฐานกระบวนการรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา ประกอบด้วย ๖ กิจกรรม ได้แก่ ๑) ธรรมะทักทาย ๒) ตามหาหัวใจ ๓) สายน้ำแห่งชีวิต ๔) คนค้นข่าว ๕) ประยุกต์ธรรมนำชีวิต และ ๖) ลมหายใจแห่งการเรียนรู้ นอกจากนี้ ผลการประเมินมาตรฐาน นวัตกรรมการเรียนรู้บนฐานกระบวนการรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยาเพื่อเสริมทักษะวิถีใหม่ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๕ ท่าน ตรวจประเมินตามหลักการประเมินระบบแบบอิงมาตรฐาน (evaluation standard) ของ Stufflebeam กำหนดมาตรฐานการประเมินทางการศึกษา (The Joint Committee on Standards for Education) แบ่งมาตรฐานเป็น ๔ ด้าน อยู่ในเกณฑ์ประเมิน ระดับ มากที่สุด พบว่า แต่ละด้านได้คะแนนเฉลี่ย ( ) คือ ๑) ด้านความถูกต้อง (accuracy) เท่ากับ ๔.๙๖ เกณฑ์อยู่ในระดับ มีความถูกต้องมากที่สุด ๒) ด้านความเหมาะสม (propriety) เท่ากับ ๕.๐๐ เกณฑ์อยู่ในระดับ มีความเหมาะสมมากที่สุด ๓) ด้านความเป็นไปได้ในการนำไปใช้ ( feasibility) เท่ากับ ๔.๘๔ เกณฑ์อยู่ในระดับ เป็นไปได้มากที่สุด และ ๔) ความมีประโยชน์ (utility) เท่ากับ ๔.๙๒ เกณฑ์อยู่ในระดับ มีความมีประโยชน์มากที่สุด ๓. ประสิทธิผลและนำเสนอรูปแบบนวัตกรรมการเรียนรู้บนฐานกระบวนการรู้คิด ทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยาเพื่อเสริมทักษะวิถีใหม่ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการทดลอง จำนวน ๑๗ คน ได้รับการวัดประสิทธิผลการทดลอง ด้วยแบบวัดการรู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา ใน ภาพรวมทั้ง ๖ ด้าน คือ ๑) ด้านการมองสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ๒) ด้านการมองแง่ดี แง่เสีย คุณและโทษ ๓) ด้านการหาทางออกเพื่อแก้ปัญหา ๔) ด้านการใช้ปัญญาไตร่ตรอง ๕) ด้านการรู้จัก เลือกเสพคุณค่าที่เป็นประโยชน์ และ ๖) ด้านการรู้จักแยกแยะกุศลธรรมและอกุศลธรรม พบว่า คะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกด้าน โดยระยะก่อนการทดลอง อยู่ในเกณฑ์ระดับ ปานกลาง ( = ๓.๔๙, S.D.= ๐.๗๗) ระยะหลังการทดลอง อยู่ในเกณฑ์ระดับ มาก ( = ๔.๔๓, S.D.= ๐.๙๘) และผลการ วัดคลื่นสมอง ด้วยเครื่องวัดคลื่นสมองของ Mindlink รุ่น Concentration Headband: Three (EEG, ground, reference) คลื่นสมองข้อมูลที่วัดได้ จะถูกประมวลผลเป็นค่าทางสถิติ แล้วแปลผล ๓ ด้าน คือ ด้านความสนใจหรือความใส่ใจ (Attention) ด้านสมาธิ (Meditation) และด้านการรู้คิด (Cognitive performance) พบว่า ระยะหลังการทดลอง ระดับคลื่นสมอง มีอัตราค่าเฉลี่ยคลื่นสมอง เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นทุกด้าน โดยภาพรวมเพิ่มขึ้นคิดเป็น ร้อยละ ๓.๓ แสดงว่า กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับ การฝึกชุดกิจกรรมนวัตกรรมการเรียนรู้เสริมทักษะวิถีใหม่บนฐานกระบวนการรู้คิดทางปัญญาตาม แนวพุทธจิตวิทยา ๖ กิจกรรม มีระดับคลื่นสมอง สูงกว่า ก่อนได้รับการฝึก และมีค่าเฉลี่ยคะแนนการ รู้คิดทางปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา สูงกว่า ระยะก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ เป็นไปตามสมมติฐาน x |
URI: | http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1347 |
Appears in Collections: | รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
ว.013.2566.pdf | 13.48 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.