Please use this identifier to cite or link to this item: http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1340
Title: พุทธจิตวิทยาวิถีชีวิตใหม่: กลไกการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจของครอบครัวไทย
Other Titles: Buddhist Psychology of a New Way of Life: Mechanisms for Mental Strengthening of Thai Families
Authors: ภูวชนาธิพงศ์, กมลาศ
แก้วบุตรดี, พระมหานันทวิทย์
พระภาวนาวชิรวิเทศ วิ.
ประภัสสรพิทยา, มนัสนันท์
สาริศรี, หนึ่งธิดา
Keywords: กลไกการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ
พุทธจิตวิทยาวิถีชีวิตใหม่
ครอบครัว
หลักพุทธจิตวิทยา
เครือข่ายเชิงพื้นที่ในการถ่ายทอดกลไกการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ
Issue Date: 2566
Publisher: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
Abstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาหลักพุทธจิตวิทยาและวัฒนธรรมไทยในการสร้างกลไกความเข้มแข็งทางจิตใจของครอบครัว ๒) เพื่อการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจของครอบครัววิถีชีวิตใหม่ตามแนวพุทธจิตวิทยาและวัฒนธรรมไทย และ ๓) เพื่อพัฒนาเครือข่ายเชิงพื้นที่ในการถ่ายทอดกลไกการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจของครอบครัววิถีชีวิตใหม่ตามแนวพุทธจิตวิทยา เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี โดยใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณและและวิธีเชิงคุณภาพขยายเชิงปริมาณ พื้นที่วิจัยในการศึกษาครั้งนี้ คือ พื้นที่ชุมชนสาเภาล่ม อาเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา โดยได้กาหนดกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสาคัญ ได้แก่ กลุ่มผู้นาชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ผู้อานวยการและครู โรงเรียนในพื้นที่ จานวน ๑๐ คน กลุ่มผู้ปกครองจานวน ๑๔ ครอบครัว และนักเรียนเยาวชนในพื้นที่ ๓๐ คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ การสัมภาษณ์เชิงลึก ชุดกิจกรรมความเข้มแข็งทางใจ แบบสารวจครอบครัว แบบสอบถามเสริมสร้างพลังใจ แบบประเมินความพึงพอใจ สมุดบันทึกพลังใจ และ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ สถิติที่ใช้การวิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ๑) หลักพุทธจิตวิทยาและวัฒนธรรมไทยในการสร้างกลไกความเข้มแข็งทางจิตใจของครอบครัว มีดังนี้ (๑) หลักพุทธจิตวิทยา ได้แก่ หลักพละ ๕ ฆราวาสธรรม และโยนิโสมนสิการ (๒) หลักจิตวิทยาเสริมสร้างความเข้มแข็งทางใจ ใช้หลักการแนวคิดของ Grothberg แบ่งลักษณะของความเข้มแข็งทางด้านจิตใจเป็น ๓ ลักษณะ ได้แก่ ฉันมี ฉันเป็น และฉันสามารถ (๓) วิถีวัฒนธรรมไทย ประกอบด้วย ๓.๑) ด้านการดารงชีวิต คือ สภาพภูมิประเทศ บริบทสังคม กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความหลากหลาย ๓.๒) ด้านความเชื่อ คือ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติกันมานาน เช่น การทักทาย ข ด้วยการไหว้ ๓.๓) ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ได้แก่ ศิลปะสาขาต่างๆ ๓.๔) ด้านค่านิยม สิ่งที่บุคคลหรือสังคมไทยยึดถือเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ และปลูกฝังให้สมาชิกของสังคมยึดถือและปฏิบัติในการดาเนินชีวิต และ ๓.๕) ด้านศิลปะ คือ คุณค่าทางด้านสุนทรียะที่ เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม (๔) งานวิจัยเชิงพื้นที่ พบว่า มีการส่งเสริมกิจกรรมชุมชนอย่างต่อเนื่องผ่านกลุ่มเยาวชน มีความร่วมมือกันทุกเครือข่าย และส่งเสริมการเห็นคุณค่ามรดกวัฒนธรรมของชุมชน ๒) การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจของครอบครัววิถีชีวิตใหม่ตามแนวพุทธจิตวิทยาและวัฒนธรรมไทย พบว่า การพัฒนากระบวนการและนามาสร้างเป็นชุดกิจกรรมเพื่อทาการทดลองแบ่งเป็น ๔ ระยะ ได้แก่ ระยะที่ ๑ เสริมสร้างพลังใจครอบครัวเข้มแข็งทางใจ ด้วยการทากิจกรรม ๒ วัน ได้แก่ (๑) “สานพลังใจ ให้ครอบครัวเข้มแข็ง” (๒) “ฟังพูดด้วยหัวใจ เชื่อมสายใยครอบครัวเข้มแข็ง” (๓) “สื่อสารสร้างสรรค์ สร้างความเข้มแข็งทางใจในครอบครัว” ระยะที่ ๒ เชื่อมสายใยครอบครัว” เป็นระยะที่มีการติดตามผลงานโดยการจัดอบรม ๑ วัน ได้แก่ (๑) “สื่อสารด้วยหัวใจ เชื่อมสายใยครอบครัว” ระยะที่ ๓ สื่อสารสร้างสรรค์ เน้นการการสะท้อนคิดเห็นด้วยกิจกรรม ๑ วัน ได้แก่ (๑) “สื่อสารสร้างสรรค์ สร้างความเข้มแข็งทางใจ วัยใส Set Gold ด้วยพลังใจเข้มแข็ง” ระยะที่ ๔ สื่อสารเชิงบวก เสริมพลังใจดี ครอบครัวเป็นสุข ปลูกจิตอาสาสู่ชุมชน เป็นการสรุปกิจกรรม ด้วยการจัดอบรม ๑ วัน ได้แก่ (๑) “U ME DEE ปลดล็อคพลังภายในเป้าหมายก็แค่ปากซอย” และกิจกรรมครอบครัว ได้แก่ (๑) การบรรยายความรู้เกี่ยวกับเรื่องปลดล็อคพลังภายในสร้าง Growth Mindset ได้ด้วยตัวเอง และ (๒) การทาจิตอาสา ๓) ผลลัพธ์การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจของครอบครัววิถีชีวิตใหม่ ๓.๑) ผลการวิเคราะเชิงปริมาณครั้งที่ ๑ พบว่า ๑) ในกลุ่มเยาวชน มีคะแนนเฉลี่ยตัวแปรด้านการสร้างสัมพันธภาพเชิงบวกด้วยหลักธรรมฆราวาสธรรม ๔ ของเยาวชน หลังอบรมแตกต่างกับก่อนอบรมอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ (Sig.= .๐๕๐) และพบผลเช่นเดียวกันในกลุ่มผู้ปกครอง (Sig.= .๐๒๗) และคะแนนเฉลี่ยตัวแปรพลังใจของผู้ปกครองหลังอบรมแตกต่างกับก่อนอบรมอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ (Sig.= .๐๔๘) ผลการวิเคราะห์โครงการครั้งที่ ๒ ในเยาวชน มีคะแนนเฉลี่ยตัวแปรพลังใจของเยาวชน หลังอบรมแตกต่างกับก่อนอบรมอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ ค ๓.๒) ผลวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ผลลัพธ์จากการทากิจกรรมทั้ง ๔ ระยะ พบว่า ๑) ผลลัพธ์ระดับบุคคล พฤติกรรมของเยาวชนมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น กล้าแสดงออก และกล้าสะท้อนคิดสิ่งที่รู้สึกมากขึ้น การพัฒนาความคิด ฝึกการคิดจากการใช้หลักธรรมทาให้สามารถทบทวนปัญหา และสะท้อนความคิดออกมาอย่างมั่นใจ ๒) ผลลัพธ์ระดับครอบครัว ครอบครัวหรือผู้ปกครองมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ผู้ปกครอง มีความหลากหลายและก็ค่อนข้างเปิดใจ กล้าแสดงความรักต่อลูกมากกว่าเดิม ๔) ผลการพัฒนาเครือข่ายเชิงพื้นที่ในการถ่ายทอดกลไกการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจของครอบครัววิถีชีวิตใหม่ตามแนวพุทธจิตวิทยา พบว่า มีการถ่ายทอดกลไกผ่านกิจกรรม ได้แก่ (๑) กิจกรรมจิตอาสา (๒) กิจกรรมการถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรม (๓) การเผยแพร่องค์ความรู้ ทั้งระหว่างประเทศ ในประเทศและออนไลน์
URI: http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1340
Appears in Collections:รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
ว.009.2566.pdf5.97 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.