Please use this identifier to cite or link to this item:
http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1225
Title: | กลไกการพัฒนาเครือข่ายทางสังคมเพื่อการปกครองคณะสงฆ์ที่เข้มแข็ง ในสังคมไทย |
Other Titles: | Social Network Development Mechanism for Strength Sangha Administration in Thai Society |
Authors: | ปภสฺสโร, พระครูธรรมธรสฐาพร พระราชวัชรสารบัณฑิต พระครูพิศิษฏ์ประชานาถ ธิลาว, ประเสริฐ |
Keywords: | กลไก เครือข่ำยทำงสังคม กำรปกครองคณะสงฆ์ที่เข้มแข็ง กฎหมำยเพื่อกำรปกครองคณะสงฆ์ กองนิติกำรสงฆ์ |
Issue Date: | 2565 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ ๑) เพื่อศึกษาสภาพทั่วไปในการพัฒนาเครือข่ายทางสังคมเพื่อการปกครองคณะสงฆ์ที่เข้มแข็งของคณะสงฆ์ไทย ๒) เพื่อศึกษาผลลัพธ์และความคาดหวังที่เกิดขึ้นจากเครือข่ายทางสังคมของคณะสงฆ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ๓) เพื่อนาเสนอกลไกการพัฒนาเครือข่ายทางสังคมเพื่อการปกครองคณะสงฆ์ที่เข้มแข็งของสังคมไทย รูปแบบการวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบผสมผสานของการวิจัย ๓ ประเภท คือ การวิจัยเชิงเอกสาร (Documentary Research) การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากผู้ให้ข้อมูลสาคัญจานวน ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ออกนโยบาย กลุ่มผู้ปฏิบัติการระดับจังหวัด และกลุ่มเครือข่าย จานวน ๒๘ รูปหรือคน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์และแบบประเมินการสนทนากลุ่มเฉพาะ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา สาหรับการวิจัยเชิงปฏิบัติการ แบ่งออกเป็น ๕ ขั้นตอนคือ ขั้นตอนที่ ๑ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการกับพระสังฆาธิการ ขั้นตอนที่ ๒ จัดทาหลักสูตรฝึกอบรม ขั้นตอนที่ ๓ ทดลองใช้ ขั้นตอนที่ ๔ สรุปผลความพึงพอใจ และขั้นตอนที่ ๕ เป็นการมีส่วนร่วมติดตามประเมินผลการดาเนินงานวิจัย ผลการวิจัยพบว่า ๑. สภาพทั่วไปในการพัฒนาเครือข่ายทางสังคมเพื่อการปกครองคณะสงฆ์ที่เข้มแข็งของคณะสงฆ์ไทย พบว่า เครือข่ายทางสังคมของคณะสงฆ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย ฆราวาส พุทธศาสนิกชน , หน่วยงานราชการ, องค์กรเอกชน, เครือข่ายทางคณะสงฆ์ด้วยกันเอง ซึ่งทุกเครือข่ายช่วยกันทางานอย่างเหนี่ยวแน่ สนับสนุน อุปถัมภ์กันตามกาลังศรัทธา เน้นการบอกกล่าวกันด้วยวาจา เชิญชวนกันปากต่อปาก จึงส่งผลให้การพัฒนาเครือข่ายมีน้อย ดังนั้นผู้บังคับบัญชาจึงควรสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้มีการพัฒนาและเรียนรู้ระบบสังคมออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ โดยเน้นในส่วนที่เป็นการส่งเสริมการทาความดี ช่วยเหลือสังคม และพัฒนาชุมชน ฯลฯ ๒. ผลลัพธ์และความคาดหวังที่เกิดขึ้นจากเครือข่ายทางสังคมของคณะสงฆ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน พบว่า ส่วนใหญ่ยังไม่ประสบความสาเร็จเท่าที่ควร มีบางวัดเท่านั้นที่ใช้เครือข่ายทางสังคมอย่างเป็นประโยชน์ ส่วนความคาดหวังจากเครือข่ายทางสังคม พบว่า เครือข่ายควรมีการปรึกษาหารือกัน และทางานกันเป็นทีม ๓. กลไกการพัฒนาเครือข่ายทางสังคมเพื่อการปกครองคณะสงฆ์ที่เข้มแข็งในสังคมไทย เริ่มต้นจากทีมนักวิจัยเข้าไปมีบทบาทในการส่งเสริมเครือข่ายทางสังคม ประกอบด้วย คณะสงฆ์จังหวัด สานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และสานักงานยุติธรรมจังหวัด ให้มีบทบาทในการให้คาปรึกษา การให้กาลังใจ การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายกับกลุ่มเป้าหมายคือ พระภิกษุสามเณรในพื้นที่ เพื่อลดปัญหาการกระทาความผิดของพระภิกษุสามเณรในพื้นที่ และ สามารถควบคุมพระภิกษุสามเณรให้อยู่ในพระธรรมวินัย และนโยบายของคณะสงฆ์ได้ ส่งผลให้คณะสงฆ์เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืนในการปกครอง |
URI: | http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1225 |
Appears in Collections: | รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
ว.009.2565.ย่อย4.pdf | 11.27 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.