Please use this identifier to cite or link to this item: http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1167
Title: การปฏิบัติและการสอบอารมณ์กรรมฐานตามหลักพระพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศสมาชิกอาเซียน
Authors: พระมหาปราโมทย์ วิริยธมฺโม, พระเทพสุวรรณเมธี,ดร.ดร.
พระมหาเสฏฐวุฒิ วชิรญาโณ, ดร.ชัยชาญ ศรีหานู ดร.
Keywords: การสอบอารมณ์กรรมฐาน
หลักพระพุทธศาสนาเถรวาท
อาเซียน
Issue Date: 8-Nov-2017
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อศึกษาการปฏิบัติและแนวทางการสอบอารมณ์กรรมฐานตามหลักพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อศึกษาการปฏิบัติและการสอบอารมณ์กรรมฐานในประเทศสมาชิกอาเซียน และเพื่อวิเคราะห์ความสอดคล้องการปฏิบัติและการสอบอารมณ์กรรมฐานที่เหมาะสมกับประเทศสมาชิกอาเซียน งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีวิธีดำเนินการวิจัยคือศึกษาวิเคราะห์หลักการปฏิบัติและการสอบอารมณ์กรรมฐานในพระไตรปิฎก อรรถกถา และเอกสารที่เกี่ยวข้อง จากนั้น รวบรวมข้อมูลจากพื้นที่ของการวิจัย สัมภาษณ์ สังเกตและนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ให้เห็นประเด็นสำคัญ สรุป บรรยายเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า กรรมฐานเป็นกระบวนพัฒนาชีวิตตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยเน้นไปที่การทำให้จิตสงบ (สมถะ) และรู้แจ้งความจริง (วิปัสสนา) กรรมฐานจึงมี ๒ อย่างคือ สมถะและวิปัสสนา สมถะคือการเพ่งอารมณ์ให้จิตเป็นเอกัคคตา ส่วนวิปัสสนาคือการใช้สติและสัมปชัญญะรู้แจ้งความเป็นไตรลักษณ์ของขันธ์ห้าในฐานะของสรรพสิ่งในลักษณะของรูป-นาม อารมณ์สมถกรรมฐานมี ๔๐ มีกสิณ เป็นต้น ส่วนวิปัสสนามีอารมณ์พิจารณา ๖ มีขันธ์ ๕ เป็นต้น ส่วนการสอบอารมณ์คือกระบวนการสนับสนุนให้การเจริญวิปัสสนาพัฒนาและดำเนินไปสู่เป้าหมายคือญาณระดับต่าง ๆ ได้ การสอบอารมณ์เกี่ยวข้องกับหลักโพธิปักขิยธรรมและญาณ ๑๖ การเจริญกรรมฐานเป็นหลักคำสอนที่สำคัญที่สุดที่ชาวพุทธได้ปฏิบัติสืบทอดมาแต่สมัยโบราณและถือเป็นมรดกทางจิตวิญญาณของพระพุทธศาสนากระทั่งปัจจุบันเพราะเป็นหนทางดับทุกข์ การปฏิบัติและการสอบอารมณ์กรรมฐานในประเทศสมาชิกอาเซียนพบว่า ประเทศไทยมีหลักการปฏิบัติกรรมฐานอยู่ ๕ แบบหลัก คือ (๑) กรรมฐานแบบพอง-ยุบ ที่นำเข้ามาจากพม่าโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร) ให้กำหนดรู้อาการ พองหนอ-ยุบหนอ ของท้องในอิริยาบถทั้ง ๔ การสอบอารมณ์กรรมฐานจะสอบอยู่ในกรอบมหาสติปัฏฐาน ๔ (๒) กรรมฐานแบบพุท-โธ ตามแนวหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต เน้นการทำสมถะโดยการพิจารณากายคตาสติภาวนา บริกรรมว่า พุท-โธ รู้ลมหายใจเข้า-ออก จนจิตเป็นหนึ่งแล้วจึงพิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์ ไม่มีการสอบอารมณ์แต่เทศนาธรรม (๓) กรรมฐานแบบสัมมา-อะระหังตามแนวพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสาโร) บริกรรมว่า สัมมาอะระหัง ต้องรู้ฐาน ๗ และ ๕ ศูนย์ แล้วกำหนดดวงนิมิตที่ฐานที่ ๗ จนจิตเห็นดวงแก้วใส ซึ่งเป็นที่ตั้งของการพิจารณากาย เวทนา จิต และธรรม ไม่มีการสอบอารมณ์ (๔) กรรมฐานแบบเคลื่อนไหว ตามแนวหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ใช้สติกำหนดรู้เท่าทันความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของร่างกาย โดยไม่ต้องใส่คำบริกรรมและไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม เช่น การนั่งหลับตานิ่ง เป็นต้น ไม่ใช้คำบริกรรม จนจิตรู้เท่าทันความคิดปรุงแต่งทั้งหลายตลอดเวลา มีการสอบอารมณ์โดยการควบคุมบอกทางผิด (คิด) ถูกคือ รู้ทันความคิด (๕) กรรมฐานแบบอานาปานสติตามแนวพุทธทาสภิกขุ เน้นการพัฒนาจิตเพื่อการบรรลุมรรค ผล นิพพาน โดยการมีสติกำหนดตามติดลมหายใจเข้าออก การปฏิบัติกรรมฐานแนวเจริญอานาปานสติ ไม่มีการสอบอารมณ์ ประเทศเมียนม่าร์มี ๓ แบบคือ ๑) สำนักกรรมฐานของพระโสภณมหาเถระ (มหาสีสยาดอ) แนวการเจริญวิปัสสนาภาวนาด้วยการกำหนดรู้แบบพองยุบ ดูการทำงานของจิตทางทวารทั้ง ๖ เน้นสติปัฏฐาน ๔ มีการสอบอารมณ์กรรมฐานอย่างเป็นระบบ ๒) สำนักกรรมฐานของอาจารย์โกเอ็นก้าไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนและไม่มีพิธีกรรมมาเกี่ยวข้อง เพียงแต่ผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน พึงกําหนดรู้ในสติปัฏฐาน ๔ อย่างใดอย่างหนึ่ง ๓) ศูนย์ปฏิบัติธรรมนานาชาติ พะอ๊อก ตอยะ เป็นการปฏิบัติสมถะภาวนาที่เน้นไปในเรื่องการดูธาตุมนสิการเป็นหลัก โดยภาวลักษณะของธาตุ ๔ แล้วกำหนดธาตุเหล่านั้นโดยเป็นสักแต่ว่าธาตุ คือ ให้ผู้ปฏิบัติกำหนดรู้ด้วยญาณ ในประเทศกัมพูชามีศูนย์กลางคือสำนักพุทธมณฑลวิปัสสนาธุระเน้นการเจริญวิปัสสนากรรมฐานในปะเทศกัมพูชาไม่แยกกันแต่เริ่มต้นด้วยการเจริญสมถกรรมฐานโดยมุ่งเน้นไปที่กรรมฐาน ๔๐ มีกสิณเป็นต้นเพื่อให้ได้ปฐมฌานจนถึงปัญจมฌานแล้วจึงเจริญวิปัสสนากรรมฐานโดยใช้อนุสติกรรมฐาน มีการเรียนการสอนกรรมฐานอย่างเป็นระบบ การสอบอารมณ์ไม่มีอย่างเป็นระบบ แต่ใช้วิธีการสนทนา หรือการเรียนถามพระวิปัสสนาจารย์ ส่วนประเทศลาวมีสำนักกรรมฐานหลักคือ แนวคำสอนของพระอาจารย์มหาปาน อานนฺโท เน้นการปฏิบัติแบบติง-เซา (ไหว-นิ่ง) เพื่อรู้ทันปรมัตถธรรมในอิริยาบถ ๔ และอิริยาบถย่อย ๆ ด้วยสติสัมปชัญญะ จากนั้นพระอาจารย์มหาซาลี กนฺตสีโลได้สืบต่อและพัฒนาเป็นศูนย์กลางของการอบรมวิปัสสนา จนมีสำนักปฏิบัติวิปัสสนากระจายไปทั่วประเทศลาว เน้นการพิจารณาขันธ์ห้า ให้เห็นปรมัตถธรรมตามหลักอภิธรรมปิฎก การสอบอารมณ์ไม่เป็นทางการเน้นการแก้ไขตามญาณ ๑๖ และตรงต่อหลักมหาสติปัฎฐาน ๔ การสอดคล้องของการปฏิบัติและการสอบอารมณ์กรรมฐานกับหลักการที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาทพบว่า ทุกสำนักปฏิบัติกรรมฐานมีความสอดคล้องกับหลักคำสอนที่ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎกและคัมภีร์สำคัญของพระพุทธศาสนาเถรวาท ความแตกต่างกันอยู่ที่เทคนิคของอาจารย์ในแต่ละสำนักได้ศึกษาและปฏิบัติมาด้วยประสบการณ์ของตนเอง จนเกิดเป็นสติปัญญาแล้วนำหลักการดังกล่าวมารวบรวม วิเคราะห์และทำการสั่งสอนเผยแผ่เพื่อให้เข้าถึงความดับทุกข์ตามหลักการของพระพุทธศาสนาเถรวาท หลักธรรมทั้งสมถะและวิปัสสนาตั้งอยู่บนคำสอนเรื่องมหาสติปัฏฐาน อาจารย์จะเป็นกัลยาณมิตรต่อผู้ปฏิบัติหรือลูกศิษย์ด้วยเมตตาและปัญญาเพื่อช่วยเหลือให้ผู้ปฏิบัติได้รู้แจ้งจนพ้นทุกข์ทั้งปวงตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
URI: http://mcuir.mcu.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/1167
Appears in Collections:รายงานการวิจัย (Research reports)



Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.